ตัววิ่ง

ยินดีต้อนรับสู่เว็บบล็อก ผลงานนักเรียนของ นางสาวทิพวิมล ทรัพย์แสง ได้เลยคะ

วันอังคารที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2559

Direct & Indirect speech

Direct and Indirect speech

             Direct speech  คือ การนำคำพูดของผู้อื่นที่ตัวเองได้ยินมาเล่าให้บุคคลที่เราสนทนาด้วยฟัง     โดยไม่ได้เปลี่ยนแปลงหรือเพิ่มอะไรลงไปในคำกล่าวนั้น หรือเรียกว่า ถ้อยคำที่นำมาพูดโดยตรง
เช่น : Jimmy say, “She is my friend.’’ ( จิมมี่พูดว่า, “ หล่อนเป็นเพื่อนของฉัน.”)  คำว่า“She is my friend.’’เป็นคำพูดที่จิมมี่พูดออกมาโดยตรง ผู้ซึ่งได้ยินก็ยกเอาคำพูดนั้นไปเล่าให้ผู้อื่นฟังโดยการเล่านั้นจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรทั้งสิ้น กับสิ่งที่ได้ยินจากสิ่งที่จิมมี่พูดเรียกว่า Direct speech

            Indirect speech  คือ การนำคำพูดของผู้อื่นที่ตัวเองได้ยินมาเล่าให้บุคคลที่เราสนทนาด้วยฟังโดยเปลี่ยนแปลงหรือเพิ่มอะไรลงไปในคำกล่าวนั้น  เช่น : Jimmy say that she was his friend.’’ ( จิมมี่พูดว่าหล่อนเป็นเพื่อนของเขา.)  คำว่า that she was his friend.’’เป็นคำพูดที่ผู้เล่านำมาจากคำพูดของจิมมี่ แต่นำมาดัดแปลงคำพูดของผู้ที่ที่นำไปเล่าเสียใหม่ซึ่งข้อเท็จจริงแล้วจิมมี่อาจจะไม่ได้พูดเช่นนั้น แต่ผู้เล่านำมาดัดแปลงเป็นคำพูดของเขา เรียกว่า Indirect speech

รูปแบบของ Direct Speech

          1.วางไว้หน้าประโยค Jimmy say, “She is my friend.’’ ข้างหลังประโยคต้องใส่ commaเสมอ และข้อความในเครื่องหมายคำพูดตามการใช้แบบที่1นี้ จะต้องนำด้วยอักษรตัวใหญ่
          2.วางท้ายประโยค “She is my friend.’’ Jimmy say. มีเครื่องหมายcommaอยู่หน้าเสมอ และข้อความในเครื่องหมายคำพูดต้องขึ้นต้นด้วยอักษรตัวใหญ่เสมอ
          3.วางกลางประโยค “She,” Jimmy say , “is my friend.’’ข้างหน้า และข้างหลังjimmy say ต้องมีเครื่องหมายcomma คั่นเสมอ จบข้อความที่อยู่หลัง jimmy say ต้องใส่เครื่องหมาย full stop (.)

หลักการเปลี่ยนประโยค Direct speech เป็น Indirect speech
            การเปลี่ยนประโยคDirect speech เป็น Indirect speech มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ ตำแหน่งได้แก่

1.เปลี่ยนแปลงคำกริยาของประโยคนำ (Reporting Verb)
Direct
เปลี่ยนเป็น
 



Indirect
Say
Said
Say to + บุคคล
Said to + บุคคล
Say that
Said that
tell + บุคคล + that
told + บุคคล + that